การท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวท่องเที่ยว
วาเลส์ แมตเตอร์ฮอร์น รีเจน (Valais Matterhorn Region)
.jpg)
การท่องเที่ยว Valais-Matterhorn Region สวิตเซอร์แลนด์ จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวท่องเที่ยว วาเลส์ แมตเตอร์ฮอร์น รีเจน (Valais Matterhorn Region) และ 5 แหล่งท่องเที่ยวใหม่ เพื่อแนะนำผู้ประกอบการและเอเยนต์ท่องเที่ยวในประเทศไทย ได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวที่เป็นจุดหมายปลายทางในฝันสำหรับใครหลายคนที่อยากมาสัมผัสสักครั้งในชีวิต เป็นการเปิดตัวโดย Mr.Christian Schwab CEO, Mr.Mario Braide Director Asia and North America พร้อมคณะผู้บริหาร และคุณมาลัย พงษ์ศิริรักษ์ ผู้จัดการฝ่ายตลาดประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

เป็นการเปิดประสบการณ์เหมือนได้ผ่านการทดสอบและการก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง รวมถึงการได้ใช้เวลาอันมีค่าร่วมกันกับครอบครัว หรือสำหรับบางคนคือการได้พักทั้งร่างกายและจิตใจ ในบรรยากาศอันเงียบสงบและทัศนียภาพที่รายล้อมด้วยภูเขาอันแสนงดงาม
.jpg)
สัมผัส Valais Matterhorn Region ที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักเดินทางทั่วโลกที่แสวงหากิจกรรมสุดฮิตในฤดูร้อนหรือฤดูหนาวกับ Matterhorn รูปทรงพีระมิดที่สูงเด่นเป็นสง่า งดงามท่ามกลางเทือกเขาแอลป์อันลือลั่น ด้วยความสูง 3,883 เมตรจากเหนือระดับน้ำทะเล และรูปทรงสามเหลี่ยมพีรามิด ณ จุดสุดยอดเขา ที่มีความงดงามยากที่จะหายอดเขาสูงลูกใดมาเทียบได้
.jpg)
กิจกรรมสุดฮิตในฤดูร้อน ที่วาเลส์ ทุกคนสามารถเลือกชมการแสดง 1 ใน 2,500 รายการ ทั้งคอนเสิร์ต นิทรรศการที่จัดในโรงภาพยนตร์ ห้องแสดงดนตรี รวมถึงพิพิธภัณฑ์และแกลอรี่ หรือการเข้าชมภายในเขื่อนสักแห่งของรัฐวาเลส์ นอกจากนี้ สำหรับใครที่ต้องการเดินป่าที่ให้ความรู้สึกราวกับล่องลอยอยู่บนสรวงสวรรค์ การเดินทะลุผ่านป่าอันแสนร่มรื่นหรือการแช่เท้าในทะเลสาบภูเขา แน่นอนว่าคุณจะตื่นตาไปกับสิ่งที่น่าประหลาดใจทางธรณีวิทยาของภูมิภาคนี้ หรือจะเลือกการเดินไปตามธารน้ำแข็งกับไกด์ภูเขามืออาชีพก็น่าสนใจไม่น้อย
.jpg)
%20(2).jpg)
สำหรับกิจกรรมสุดสนุกในฤดูหนาวที่จะถึงนี้ ทุกคนจะเพลิดเพลินกับลานสกี ที่เป็นหนึ่งในลานสกีที่ยาวที่สุดของเทือกเขาแอลป์เลยทีเดียว หรือจะเลือกไปสนุกกับสิ่งพิเศษในสถานที่ที่คาดไม่ถึง เช่น อิกลู กระเช้าลอยฟ้า หรือแม้แต่การชมทัศนียภาพงดงามริมระเบียง การออกเดินทางด้วยรองเท้าลุยหิมะ หรือการเดินทางด้วยสกีออกนอกเส้นทาง การเดินในฤดูหนาวเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ตลอดเส้นทางควงคู่คนรู้ใจ แล้วไปสนุกกับการนั่งเลื่อนสุนัข แค่ฟังก็เริ่มสนุกแล้ว
.jpg)


อเล็ตช์อารีนา (Aletsch Arena)
ดื่มด่ำกับธรรมชาติที่ธารน้ำแข็งอเล็ตช์อารีนา สูดอากาศบริสุทธิ์บนเขา แสงอาทิตย์ตั้งแต่เช้ายันค่ำ และชมวิวบนยอดเขาสูง 4,000 เมตร/ 13,000 ฟุต ในวาเลส์ ที่ราบสูงปลอดรถยนต์เหนือหุบเขาโรน (ความสูง 2,000 เมตร/ 6,500 ฟุต) ท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยงามแทบลืมหายใจ ที่สำคัญใช้เวลาเดินทางด้วยกระเช้าไฟฟ้าเพียง 7- 10 นาทีเท่านั้น จุดชมวิว 3 แห่ง คือ มูสฟลูห์ (Moosfluh) เบ็ตต์เมอร์ฮอร์น (Bettmerhorn) และเอ็กกิสฮอร์น (Eggishorn) ทำให้เห็นภาพทิวทัศน์ยาวถึง 20 กิโลเมตร/12.6 ไมล์ตลอดแนวธารน้ำแข็งอเล็ตช์ ถือเป็นแนวน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์และเป็นหัวใจของมรดกโลก Swiss Alps’ Jungfrau-Aletsch UNESCO เทียบเท่ากับแมตเตอร์ฮอร์นหรือจุงเฟรา การเดินบนธารน้ำแข็งร่วมกับการเล่นสกีที่อเล็ตช์ อารีนาถือเป็นสวรรค์บนดินของนักปีนเขาและผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสกี
บริก ซิบพลอน (Brig Simplon)
บริก ซิมพลอน มีประวัติศาสตร์ยาวนานและปราสาทสต็อกอัลเปอร์ ที่ตั้งอยู่ตรง Upper Valais ที่เชิงเขาของซิมพลอนพาส (Simplon Pass) ต่อมากลายเป็นสถานีสำคัญที่เป็นประตูสู่ประเทศอิตาลีจากโดมอดอสโซลา(I) บริกนับเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทาง ใกล้กับพื้นที่เดินป่าและลานสกีล็อทเชอะแบร์ก(Lotschberg) ซิมพลอน (Simplon) และอเล็ตช์ (Aletsch) ที่นี่มีบ่อน้ำร้อนซึ่งเป็นจุดพักผ่อนที่น่าสนใจ แม้จุดเล่นสกีจะมีขนาดไม่ใหญ่มากทั้งที่ร็อธวาล วาเซ็นแอลป์ (Rothwald-Wasenalp) และ รอสวาลด์ (Rosswald) ที่ราบสูงเหนือหุบเขาโรห์นแต่กลับดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวไม่ใช่น้อย
.jpg)
ซาสเฟ/ซาสตาล (Saas-Fee/Saastal)
คงจะไม่มีที่ไหนที่จะทำให้วันหยุดสวยงามได้เท่านี้อีกแล้ว เพราะที่ ซาส วัลเลย์ (Sass Valley) (ซาส-เฟ, ซาส-กรึนด, ซาส-อัลมาเกล, ซาส-บาเล็น) เป็นที่ตั้งของ “โดม” ภูเขาสูงที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์มีความสูงถึง 4,545 เมตร/14,911 ฟุต ที่สามารถมองเห็นความสง่างามของ ”โดม” ได้จากภัตตาคารหมุนได้ที่สูงที่สุดในโลกเช่นกัน ช่วงฤดูร้อนก็จะได้เพลิดเพลินกับการท่องเที่ยวแบบเดย์ทริป (ไปเช้าเย็นกลับ) หลากหลายเส้นทางรวมถึงเส้นทางเดินป่าระยะทาง 350 กิโลเมตร/217 ไมล์ แน่นอนต้องไม่ลืมสมาชิกที่น่ารักน่ากอดที่สุดของซาส-เฟอย่างมาร์มอตแสนเชื่อง ส่วนในฤดูหนาว สภาพหิมะบนเขาอันโดดเด่นและเนินหิมะลาดชันที่ทำให้ซาส-เฟ/ซาส วัลเลย์เป็นเสมือนสวรรค์ของคนรักกีฬาฤดูหนาวอย่างแท้จริง
.jpg)
ลอยเคอบัด (Leukerbad)
รีสอร์ตสปาน้ำแร่ ที่ใหญ่ที่สุดในเทือกเขาแอลป์ ใจกลางภูเขาของรัฐวาเลส์ ที่จะได้พบกับสปาน้ำแร่ที่ใหญ่ที่สุดและรีสอร์ตเพื่อสุขภาพในเทือกเขาแอลป์ นั่นคือ “ลอยเคอบัด” น้ำพุร้อนเพื่อการบำบัดโรคปริมาตร 3.9 ล้านลิตร/1 ล้านแกลลอน มีอุณหภูมิสูงถึง 51 องศาเซลเซียส/124 องศาฟาเรนไฮด์ไหลสู่ บ่อน้ำแร่ 32 แห่งเป็นประจำทุกวันเพื่อช่วยให้ทุกคนได้ผ่อนคลายหลังจากความเหนื่อยล้าจากกิจวัตรประจำวัน และที่สุดยอดที่สุดก็คือ ที่นี่เปิดให้บริการตลอด 365 วันใน 1 ปี หลังจากเดินด้วยระยะทางสั้น ๆ จากหมู่บ้าน ก็จะมาถึงเขตภูเขาเก็มมี (Gemmi) และ ทอร์เรนท์ (Torrent) ลอยเคอบัด เหมาะสำหรับคนรักความสงบ คนรักธรรมชาติ คนรักกิจกรรมกลางแจ้ง ผู้หลงใหลในการทำอาหาร ผู้เสพวิวพานอรามา ครอบครัวและคู่รักที่เดินทางมาพักผ่อนกันเพียงลำพังหรือมากันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ก็คู่ควรเช่นกัน
.jpg)
เขตธียง (Thyon Reigon)
ธียง เป็นเขตท่องเที่ยวที่เหมาะกับวันหยุดอันแสนสดใส ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของ Val d’Herens (วาลเดเริน) ในวาเลส์ตอนกลาง ไม่ไกลจากเมืองหลวงซิยงที่อยู่ในระดับความสูง 1,500 ถึง 2,000 เมตร ธียงเป็นสถานที่ที่ถูกดัดแปลงเพื่อสนองความต้องการของนักเล่นสกีและยังอยู่ทางตะวันออกของหุบเขา 4 แห่ง รีสอร์ตในธียงเหมาะสำหรับการพักผ่อนแบบครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง มีอพาร์ตเมนต์สำหรับพักผ่อนมากมายและยังมีวิวพานอรามาสวยงามอย่างเบอร์นีส (Bernese) วาเลส์ (Valais) โว แอลป์ (Vaud Alps) ซึ่งถูกบดบังโดยแมตเตอร์ฮอร์นและดองต์บลองชซึ่งมีความสูงเกินกว่า 4,000 เมตร เราสามารถมองเห็นเขื่อนกรองดิซองซ์ (Grande Dixence) เป็นเขื่อนคอนกรีตแบบถ่วงน้ำหนักที่สูงที่สุดในโลกและใหญ่ที่สุดในยุโรปได้จากที่นี่ และยิ่งไปกว่านั้น สำหรับคนที่หลงใหลทะเลสาบใต้ดิน คุณจะได้พบกับทะเลสาบใต้ดินเซนต์เลียวนาร์ด (St.Leonard) ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
%20Florian%20Bouvet-Fournier%206%20muj%202%20(1).jpg)
น็องดา/เวย์ซอนนา (Nendaz/Veysonnaz)
น็องดา/เวย์ซอนนา ตั้งอยู่ใจกลางของรัฐวาเลส์ ที่ที่จะทำให้เห็นวิวอันน่าทึ่งของโรนวัลเลย์ (Rhone Valley) และยังเป็นด่านหน้าของ 4 หุบเขาสำคัญซึ่งถือเป็นลานสกีที่ใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งในฤดูหนาวจะมีหิมะครอบคลุมพื้นที่กว่า 400 กิโลเมตร/248 ไมล์ในทุกระดับความสูง จากมงต์ฟอรต์(Mont-Fort) (3,300 เมตร/10,925 ฟุต) สามารถขึ้นไปด้วยกระเช้าไฟฟ้าและจะเห็นเทือกเขาแอลป์แบบพานอรามาและที่เด่นชัดที่สุดก็คงเป็นแมตเตอร์ฮอร์นและยอดเขามงต์บลองก์ (Mont-Blanc) ในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง การเดินไปตามทางน้ำโบราณที่สร้างขึ้นเพื่อผันน้ำจากแม่น้ำไปใช้ในการเพาะปลูกและการทำสวนผลไม้ก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย น็องดา/เวย์ซอนนารอต้อนรับอยู่ด้วยสัญญาที่จะทำให้ทุกคนได้มีช่วงเวลาแห่งความสุขอย่างแท้จริง
เขตมาร์ตินญี่ (Martigny Region)
มาร์ตินญี่ตั้งอยู่ในหุบเขาโรห์น ระหว่างไร่องุ่นและสวนผลไม้ เขตนี้มีสีสันที่สุดในรัฐวาเลส์ เหนือสิ่งอื่นใด มาร์ตินญี่ถือเป็นเมืองสำคัญแห่งหนึ่ง เป็นที่ตั้งของมูลนิธิปิแยร์ เจียนัดดา (Pierre Gianadda) และสถานที่จัดงานนิทรรศการศิลปะอันทรงเกียรติ มีโรงกลั่นโมรองด์ (Morand) และผลงานสำคัญของที่นี่ก็คือบรั่นดี Williamine อันเลื่องชื่อ และเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แบร์รี่แลนด์(Barryland) กับเรื่องราวของสุนัขพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ด การตั้งอยู่ตรงทางแยกระหว่างฝรั่งเศสและอิตาลีและการอยู่ที่ใจกลางของวาเลส์ เขตมาร์ตินญี่จึงเปิดต้อนรับทุกท่านตลอดทั้งปี และแน่นอน ทุกคนจะได้พบกับกิจกรรมสุดพิเศษที่หลากหลายทั้งในช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว : พิพิธภัณฑ์โบสถ์เซนต์มอริส(St.Maurice) สปาซายงและลาเวย์ ลานสกีที่ เล แมร์กค็อต (Les Marecottes) และสวนสนุกเวอร์ติกแอลป์ อีมอสเซิ่น (Vertical Emosson) สวนสัตว์เล แมร์กค็อต (Les Marecottes) และช่องเขาทรียอง (Trient) และดูร์นองด์ (Durnand) และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
%208%20(1).jpg)
เรชิยง ด้องท์ ดูมิดิ (Région Dents du Midi)
ตามสำเนียงสวิสเรียกว่า ปอร์กต ดู โซเลย (Portes du Soleil เขตด้องด์ ดู มิดิ ครอบคลุมถึง 6 หมู่บ้านบนเทือกเขาแอลป์ฝั่งสวิตเซอร์แลนด์ใกล้กับทางตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบเจนีวา หมู่บ้านเหล่านี้ตั้งอยู่ตามแนวหุบเขาวาลดีลิเย่ (Val d’Illiez) ถือเป็นครึ่งหนึ่งของ Portes du Soleil เรียกได้ว่าเป็นลานสกีที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีความงามตามธรรมชาติภายในพื้นที่กว่า 800 ตารางกิโลเมตร/308 ตารางไมล์ เปิดให้บริการตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลไหน ที่นี่จะเป็นสถานที่ที่มียอดเขาสูงตระหง่านพร้อมทิวทัศน์อันแสนงดงาม แม้จะเป็นเขตชายแดนระหว่างฝรั่งเศสกับสวิตเซอร์แลนด์แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนเท่าไหร่นักเพราะมีหญ้าปกคลุมสุดลูกหูลูกตาฟังดูเหมือนจะน่าเบื่อแต่ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับทุกคน
.jpg)
รถไฟกลาเซียร์ เอ็กซ์เพรส (Glacier Express)
จาก เซอร์แมตต์ และแมตเตอร์ฮอร์น ก็จะได้เดินทางชมวิวพานารามาข้ามสะพานกว่า 291 แห่งและลอดอุโมงค์ 91 แห่ง ระหว่างเส้นทางจากสวิสแอลป์ถึงเซนต์มอริส การเดินทางผ่านหุบเขาอันแสนไกล ผ่านภูเขาสูงชัน หมู่บ้านบนเขาอันงดงามเหนือสะพานลันด์วาสเซอร์ เวียดัก (Landwasser Viaduct) และทะลุผ่านช่องเขาไรน์ แกรนด์แคนยอนแห่งสวิตเซอร์แลนด์ รถไฟกลาเซียร์เอ็กซ์เพรสไต่ระดับขึ้นไปยังจุดสูงสุดที่ช่องเขาโอเบอร์แอลป์ (Oberalp) ที่ระดับความสูง 2,033 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ต้องขอบคุณกระจกหน้าต่างแบบพานอรามา เราจึงเห็นภาพของยอดเขาทั้งหลายอย่างชัดเจน แม้แต่ช่องเขาลึกด้านล่าง องค์การยูเนสโกถึงกับตั้งฉายาให้ว่า ”Swiss Alps Jungfrau-Aletsch” และนอกจากนี้ยังมี รางรถไฟเรเชี่ยน (Rhaetian Railway) ในอาบูลา/เบอร์นีน่าก็ให้บริการเส้นทางนี้เช่นกัน นอกจากนี้ กลาเซียร์เอ็กซ์เพรสยังมีบริการอาหารซึ่งปรุงสุกใหม่ในครัวบนรถไฟและจัดเสิร์ฟถึงที่นั่งของผู้โดยสารอีกด้วย
.jpg)
รถไฟกอร์เนอร์กราต (Gornergrat)
ไปค้นหาความงามที่น่าตื่นตะลึง การเดินทางสู่ กอร์เนอร์กราต เป็นเส้นทางที่พลาดไม่ได้ ที่นี่ชานชาลาอยู่ท่ามกลางแสงแดด สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ทำให้กอร์เนอร์กราดเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้น ๆ สำหรับนักท่องเที่ยว สิ่งพิเศษไม่ใช่เพียงแค่ระดับความสูงเท่านั้น กอร์เนอรกราด ยังถูกล้อมรอบด้วยยอดเขา 29 แห่งซึ่งล้วนสูงกว่า 4,000 เมตร โอบล้อมด้วยภูเขาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ “แมตเตอร์ฮอร์น” และเป็นธารน้ำแข็งที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเทือกเขาแอลป์ สามารถเห็นวิวภูเขาแบบพานอรามาสวยไม่เป็นรองใคร
.jpg)
โดยเฉพาะ “เส้นทางรถไฟแมตเตอร์ฮอร์น” ทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติราวกับจะสัมผัสได้ รถไฟสาย กอร์เนอร์กราด ทำให้ได้พบกับวิวภูเขาที่เป็นเอกลักษณ์และได้ประสบการณ์ที่งดงามเป็นเวลากว่า 120 ปีมาแล้ว จากเซอร์แมตต์ รีสอร์ตพักผ่อนที่เป็นที่นิยมของรัฐวาเลส์ รถไฟฟันเฟืองแบบเปิดโล่งที่สูงที่สุดในยุโรปเปิดให้บริการทุกวัน ทุก ๆ 24 นาที (และจะปรับเป็นทุก ๆ 48 นาทีในช่วงนอกฤดูกาล) ไต่ขึ้นไปถึง กอร์เนอร์กราต ห่างไป 9,339 เมตร รถไฟข้ามสะพาน แกลอรี่ อุโมงค์ ป่า และทุ่งหญ้าอัลไพน์ ผ่านหน้าผาสูงชันที่โอบล้อมไปด้วยภูเขาและที่สำคัญที่สุด คือ แมตเตอร์ฮอร์น
.jpg)
เล เซอลีเย เดอ ซียง (Les Celliers de Sion)
สวนไวน์แห่งแรกใจกลางรัฐวาเลส์ เล เซอลีเย เดอ ซียง (Les Celliers de Sion) การค้นพบที่พิเศษสุดของประวัติศาสตร์และไวน์แห่งบงแวง (Bonvin) และวาโรน (Varone) ที่ออกแบบศูนย์กลางการทัวร์ชิมไวน์ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในสวิตเซอร์แลนด์ จะได้พบทุกแง่มุมของเนินเขาแห่งนี้ ทำให้เห็นทัศนียภาพอันงดงามของโรห์นวัลเลย์ ไปลิ้มลองไวน์รสชาตดั้งเดิม พร้อมทั้งเรียนรู้เกี่ยวกับไวน์หลากรสชาติที่เก็บไว้ในห้องเก็บไวน์ชั้นดี ทุกคนจะได้รับประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสที่จัดให้ไม่เหมือนใคร ด้วยนวัตกรรมและความทันสมัยที่จะมอบให้กับทุกคนอย่างแท้จริง เพื่อเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่สักครั้งให้เป็นรางวัลชีวิตที่แสนประทับใจ ต้องไปเที่ยวกันได้แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ KhunMalai Pongsiriruk Tel.+66 84 125 9917